Thursday, May 22, 2014

ว่าด้วยเรื่องของไวอะกร้า


เราโชคดีที่มาเที่ยวอินโดครั้งนี้ ได้ไกด์คนไทยที่มีความรู้และเชี่ยวชาญการนำเที่ยวแถบนี้โดยเฉพาะ คุณลุงไกด์ชื่อคุณลุงฉลาด แกมักจะแทนตัวเองว่า ลุงหลาด ที่บอกว่าโชคดีเพราะลุงหลาดมีเรื่องมาเล่าเกี่ยวกับสถานที่ที่ไปชม และนำมาเล่าให้ฟังแบบสนุก เพลิน หัวร่องอหายกันทั้งคัน ทำให้บรรยากาศการเดินทางรื่นรมย์มากยิ่งขึ้น เรื่องที่เขียนในตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากคำบอกเล่าของลุงหลาดนี่เอง ไปอ่านกันเลย!

ชาวพื้นเมืองของพื้นที่เกาะสุมาตราตอนเหนือ (North Sumatra) จะเรียกว่า ชาวบาตั๊ก (Batak) ซึ่งก็มีการแบ่งเป็นกลุ่ม เป็นเผ่าพันธุ์ย่อยๆ อีกมากมาย ด้วยลักษณะพื้นที่ที่เป็นภูเขา การเดินทางในสมัยก่อนก็คงยากลำบาก แต่ละพื้นที่เลยแบ่งแยกเป็นเผ่าๆ มากมาย จุดมุ่งหมายของเราคือการนั่งรถทัวร์ไต่ขึ้นไปยัง Lake Toba ซึ่งเป็นทะเลสาบที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อหลายหมื่นปีมาแล้ว ทัศนียภาพรอบๆ ระหว่างทางไปนี่ก็รู้สึกว่าคุ้มแล้วนะ คือธรรมชาติมาก แบบต้องไปดูด้วยสายตาตัวเอง ภาพถ่าย หรือ ดูคลิปจากคนอื่นไป มันไม่ซึมซับเท่าการได้ไปเห็นเองนะ แต่บันทึกวันนี้ยังไม่ให้ดูวิวทะเลสาบนะ ยกยอดไปคราวหน้า คราวนี้เรื่องมันยาว

ฟังจากไกด์ (อันนี้พูดตรงกันทั้งลุงหลาดและเอ็ดดี้ไกด์ท้องถิ่นชาวอินโด – เราไม่ได้ใส่ร้ายเค้านะ) เค้าเล่าว่า ชาว Batak เนี่ย เป็นกลุ่มชนที่ผู้ชายขี้เกียจนะ วันๆ ก็นั่งจิบชา พูดคุย ร้องเพลง สังสรรค์ ขี้เกียจจน Dutch (Holland) ที่เป็นเจ้าอาณานิคมในขณะนั้น ต้องไปนำเข้าผู้ชายจากเกาะชวา มาทำงาน เพราะพวกนั้นทำงานเก่งกว่า ในครอบครัวภรรยาชาว Batak มีหน้าที่ไปทำงานในไร่ในสวน ตกเย็นก็กลับบ้านทำอาหารให้สามี พูดง่ายๆ คือเกิดเป็นผู้หญิง Batak นี่น่าสงสารสุดๆ


ไหนหล่ะ ไวอะกร้า..ไหนๆ ใครคิดในใจบ้าง



ฮั่นแน่!!!! ใจเย็น ค่อยๆ อ่านไป รับสาระด้วยสิ



เล่าต่อนะ ระหว่างทางที่รถแล่นขึ้นสูงไปเรื่อยๆ ได้แวะไปชมวังของพระราชา Batak เผ่าหนึ่ง ชื่อบาตั๊ก สิมาลุนกุน (Batak Simalungun) ที่เรียกว่าพระราชา หรือ วัง นี่ อย่าคิดว่าวิจิตรอลังการอะไรนะ คือ เค้าก็ชนพื้นเมือง การศึกษาไม่ค่อยดี ความเจริญยังไปไม่ค่อยถึง แต่ถ้าดูระบอบการปกครอง มันก็คือ Absolute Monachy นี่แหละ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด หรือมีมนต์ดำมากที่สุด ก็จะเป็นผู้ปกครอง จะเรียกว่าพระราชาก็ถือว่าไม่ผิด แต่ภาพจะไม่ใช่พระราชาแบบหรูหราอะไร เผ่าคงไม่ได้ใหญ่โตหรือเจริญมาก จุดที่เป็นที่ตั้งวัง เค้าเรียกว่า เปอมาตัง พูบ้า (Pematung Purba) น่าจะเป็นชื่อหมู่บ้าน

ยุคที่ Dutch เข้ามา สิ่งที่ชาวพื้นเมือง Batak ได้รับมา เป็นที่เห็นชัดที่สุดก็คือ ศาสนา พวกนี้นับถือศาสนาคริสต์ นิกาย Roman Catholic เรื่องตำนานก็คือ มี missionary คนหนึ่งมารักษาโรคให้ชาวบ้านแล้วหาย ชาวบ้านก็ถามว่าทำไมถึงหาย missionary ก็ตอบว่าเพราะ believe in god ชาว Batak ก็เลยหันมานับถือคริสตศาสนา

กลับมาที่วัง Batak Simalungun ราชวงศ์ของตระกูลนี้มีกษัตริย์ 14 พระองค์ องค์ที่มีเรื่องราวเป็นตำนาน อยากเอามาเล่าให้ฟัง เป็นกษัตริย์องค์สุดท้าย ครองราชย์ไม่นาน ไปดูกันว่าเป็นเพราะเหตุใด เรื่องราวเหล่านี้อยากให้ถูกบันทึกไว้ เพื่อจะได้ไม่สูญหายไปกับกาลเวลา

กษัตริย์ Tuan Mogang ว่ากันว่า มีชายาถึง 24 องค์ คือ วังของพระองค์ เรียกว่า Rumah Bolon (Long House) คือ รูปทรงจะยาวๆ ก็นะ นอนกันตั้ง 12 คน 2 ฝาก มันก็ต้องยาวสิ ส่วนอีกด้านเป็นฝั่งของกษัตริย์ คือกั้นแยกจากฝั่งผู้หญิง ก็มีเตียงประกอบกิจกรรมยามวิกาล นั่นก็คือ เล่นไพ่ เฮ้ย!! ไม่ใช่ ก็กิจกรรมสืบต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์นั่นแหละ โอโห้แล้วมีชายาตั้ง 24 องค์ เพลินน่าดูนะเนี่ย...

เรื่องของเรื่องคือ แต่ละวัน กษัตริย์ก็จะให้ชายาแข่งขันกันตำข้าว แบบออกลีลาท่าทางด้วยนะ ที่ตำข้าวก็คล้ายกับของบ้านเรา มีหลุม ใส่ข้าวลงไป แล้วก็มีไม้เอาไว้ตำๆ ทุบๆ นี่เชื่อแล้วว่าผู้หญิง Batak ทำงานหนัก ขนาดข้าว ยังใช้เมียตัวเองเลย - -“ ใครตำเก่ง ลีลาดี ก็จะได้รับการคัดเลือก โดยกษัตริย์จะให้ขันที (มีขันทีด้วย!!!) เอาหมากพลูไปให้ เป็นเครื่องหมายว่า คืนนี้ เจ้าเตรียมตัวเอาไว้



อันนี้ลานตำข้าว



Long House หน้าตาเรียบง่ายมากๆ นี่หรือคือวัง ตอนแรกที่ไปเห็นก็งงไปเล็กน้อย



ด้านใน มีครัวทำกับข้าวด้วย


เอาหล่ะ ใครเกิดความสงสัยบ้าง 'กษัตริย์มีชายาตั้ง 24 องค์ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน กษัตริย์จะไหวหรอ'

เรามีคำตอบ...ชาว Batak Simalungun เค้ามีเคล็ดลับ มันก็คือ ไวอะกร้า แบบ local!!!!!!!!!!!!!!

นี่ไม่ได้พูดเล่น เค้าเชื่อกันแบบนั้นจริงๆ สิ่งนี้เรียกว่า Bandrek (แบนเดร็ก) หรือแปลแบบให้เข้าใจเค้าจะเรียกว่า Spicy Ginger Tea สรรพคุณก็ออกแนวเป็นยาบำรุง ทำให้อายุยืน อะไรทำนองนั้น ว่ากันว่า Tuan Mogang ดื่ม Bandrek ทุกวัน โด๊ปกันทุกวันก็ว่าได้

อ้าว ไหนเธอว่ากษัตริย์อายุสั้นไง ก็ดื่ม Bandrek แล้วนะ ทำไมหล่ะ ข้อนี้ได้วิเคราะห์กันในรถทัวร์ บ้างก็ว่าถ้าเมียเยอะขนาดนั้น ยังไงก็ไม่ไหว (วะ) แต่มีเหตุผลหนึ่งของอาจารย์หญิงที่มีหัวคิด feminist อาจารย์บอกว่า เพราะเจ้าชู้ทำให้ผู้หญิงเสียใจไง เลยตายเร็ว (นั่น) คำถามนี้ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนนะ ขอให้นำไปวิเคราะห์กันต่อไป...

ถามว่าแล้ว Bandrek มันเป็นยาโด๊ปจริงหรอ ได้ผลจริงหรือเปล่านั้น ก็ขอตอบว่า จากที่ได้ดื่มไป 1 แก้ว ถูกแล้ว!! มีร้านขาย Bandrek ด้วย คือเค้าทำเป็นจุดชมวิว จิบชาไป ชมทะเลสาบไป ชื่อ Simar Jajunjung จริงๆ บรรยากาศดีมาก เสียดายที่วันที่ไปนั้น หมอกลงค่อนข้างจัด เลยไม่สวยแบบเต็มที่

Bandrek 1 แก้ว เสิร์ฟมาพร้อมกล้วยทอด 1 ชิ้น รสชาติของชาก็ออกเป็นน้ำขิงแบบเข้มๆ หน่อย เผ็ดร้อนทีเดียว เครื่องเทศอย่างอื่นที่ใส่ ดูแล้วคล้ายๆ เครื่องพะโล้ แต่ไม่รู้จักว่าชื่ออะไรบ้าง อ้อ...เค้าให้นมสดมาด้วย เผื่อใครจะเติม แต่เราว่าพอใส่นมแล้ว กลิ่นขิงมันหายไป ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ สำหรับรูปถ่ายมาตอนที่กล้วยทอดยังไม่มา ในจานก็คือส่วนผสม ใครจะแกะลายแทงหาว่ามีอะไรแล้วเอาไปต้มกินบ้างก็ตามสบายเถิด แต่เค้าว่าขิงมันเป็นพันธุ์พิเศษที่ปลูกได้แค่แถบนั้นเท่านั้น



อะไรนะ ลืมตอบคำถามเรื่อง Bandrek ได้ผลยังไงบ้าง อยากรู้กันแต่เรื่องนี้สินะ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบ แหะๆ (เว่อไปละแก) ก็เหมือนกินน้ำขิงอ่ะ มันมีฤทธิ์ร้อนอยู่แล้ว นอกนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว คืนนั้นก็หลับปกติ

เข้าใจตรงกันนะ

หรือว่าต้องกินประจำอาจจะเห็นผล (ในเชิงน้ำสมุนไพรนะ ไม่ใช่ว่าแค่ไวอะกร้า) แต่ว่าไม่ไหวอ่ะ เข้มเกินไป ขิงแบบแรงมาก

สรุป Bandrek ไม่อร่อยเท่าไหร่ ตอนกินนี่นึกถึงเต้าฮวยและปาท่องโก๋กรอบๆ มาก แต่วิวตรงที่กินนี่สิ มันทดแทนกันไม่ได้

ลุงหลาดบอกว่าลูกหลานของกษัตริย์ก็ยังอาศัยอยู่แถบใกล้ๆ วัง ตอนไปเที่ยวชมวัง ก็เห็นมีชาวบ้าน (แต่งตัวธรรมดามอซอ เลยนี่แหละ) มามองๆ อยู่ด้านหน้าทางเข้า ก็น่าจะเป็นลูกหลานกษัตริย์นั่นแหละ เค้าคงคิดว่าวังเป็นสมบัติของตระกูลเค้า อะไรแบบนั้น

ลุงไกด์เล่าด้วยว่าสัก 2-3 ปีก่อน รัฐบาลพยายามเข้ามาช่วยจัดการ คือจะโปรโมตวังให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบจริงๆ จังๆ มีการทำถนนใหม่ มีการสร้างห้องน้ำ สร้างอาคารไว้ขายของ แต่มีปัญหากับพวกลูกหลานกษัตริย์ยังไงก็ไม่รู้ รัฐบาลก็เลยทิ้ง ไม่พัฒนาแล้ว ปัจจุบันยังเห็นอาคารห้องน้ำโทรมๆ เหลือไว้เป็นที่ระลึก เห็นแล้วเสียดาย

ก่อนจากกันวันนี้ ขอยั่วน้ำลายไว้ด้วยวิวสวยๆ ของ Lake Toba พระเอกของการเดินทางของเรา




อ่านแล้วชอบ ฝาก share blog นี้ไปด้วยนะจ๊ะ มีปุ่มเล็กๆ เป็นโลโก้ f อยู่ด้านล่างๆ ค่ะ ขอบพระคุณทุกท่าน

No comments:

Post a Comment