พระเอกของเราคืออำเภอเล็กๆ ที่ชื่อ เบอราสตากี (Berastagi) หรือที่บางครั้งใช้ว่า Brastagi คือคนเค้าจะอ่านออกเสียงเหมือนรวบเสียง เบอรา ไปเป็น บรา เลย ภาษาอินโดนี่พูดกันเร็วมาก รัวลิ้นเยอะๆ ด้วย ที่เราบอกว่าลงใต้ไปหาอากาศหนาว ก็มาพักที่เมืองเบอราสตากีนี่แหละค่ะ เมืองเบอราสตากีจะอยู่บนเขาหน่อยๆ อากาศจึงดีกว่าเมดาน นั่งรถออกจากเมดานเกือบมืดแล้ว ไต่ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ไปเบอราสตากีใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ถนนที่นี่แคบกว่าถนนเมืองไทย คือในตัวเมืองเมดานจะ 4 เลน แต่พอออกนอกเมืองมาก็จะเป็น 2 เลนสวนกัน แล้วถนนที่เมืองไทยจะทำไหล่ทางกว้างขวาง ที่อินโดนี่คือแทบไม่มีไหล่ทาง ข้างถึงก็เขา อีกข้างก็เหว เวลารถใหญ่ๆ สวนกัน คือ คนนั่งได้ลุ้นกันตลอด คนขับจะแซงรถช้ากันตลอด ไม่ว่าจะขึ้นเขาอยู่ หรือ ข้างหน้ามีทางโค้งที่มองไม่เห็นรถสวน โผล่หน้าออกไปก่อนละ ถ้าแซงได้ก็ไป ถ้ามีรถสวนมาก็ถูกตบไฟใส่หน้าแล้วก็หลบกลับเข้ามา อีกเรื่องคือ ทางขึ้นเขาทำไมถึงชอบทำเป็นโค้งหักศอกก็ไม่รู้ มันประหยัดพื้นที่หรือไง แล้วพอเลี้ยวไม่พ้น คุณแบมแบงก็ต้องวิ่งออกไปโบกรถและดูทางให้ เพื่อให้รถเลี้ยวไปได้ คือตอนจบทริปนี้ ก็มีการพูดขอบคุณคุณคนขับกับผู้ช่วย แล้วก็ให้ทุกคนปรบมือให้เค้านะ แบบเราว่าทุกคนปรบมือแบบจริงใจมากๆๆๆ ความรู้สึกแบบ ‘คุณทำให้เรารอดปลอดภัย’ ขอบคุณจริงๆ จากใจเลย
ตัวเมืองเบอราสตากีไม่ใหญ่มาก แต่ดูจะเป็นจุดชมวิวที่ฮิตพอสมควร มีโรงแรมอยู่หลายแห่งทีเดียว ที่พักของเราที่เบอราสตากีวิวเท่โคตรๆๆ เดินไปกินข้าวเช้าคือเห็นภูเขาไฟซินาบุง (Gunung Sinabung) พ่นควันปุ๋ยๆ เลย รูปข้างบนก็ถ่ายจากโรงแรมเลย มองวิวจากโรงแรมซินาบุงดูสวยและชิวดี การตื่นมาแล้วเจอภูเขาไฟอยู่ตรงหน้านี่มันครั้งแรกในชีวิตเลยนะ
เสริมความรู้นิดนึง ในประเทศอินโดนีเซียมีภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่อีกเกินร้อยลูก แต่เจ้าซินาบุงนี่ตามบันทึกบอกว่าปะทุครั้งล่าสุดช่วงปี 1600 จนอยู่ๆ เพิ่งมาปะทุปี 2010, 2013 แล้วก็ กุมภา 2014 ที่ผ่านมา นักวิชาการก็คาดการณ์ว่าเป็นผลมาจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิปี 2006 - ซินาบุง เจ้ายังไม่ตาย!!!!!
เพลินจริงๆ นะ นั่งมองภูเขาไฟ ไม่รู้ว่าเค้าให้ปืนขึ้นไปดูที่ปากปล่องภูเขาไฟหรือเปล่า ถ้าขึ้นไปได้ มันคงตื่นเต้นดี เป็นประสบการณ์แปลกประหลาดที่เราดีใจที่ได้ไปเจอ แต่ขนาดมองจากไกลๆ ภูเขาไฟยังดูยิ่งใหญ่และสวยงามมากจริงๆ
ไม่รู้ว่าสำหรับคนที่อาศัยอยู่ตรงนั้น เค้าจะชื่นชมความงามของธรรมชาติตรงหน้ามากแค่ไหน เหมือนว่าคนเราจะมีนิสัยอย่างหนึ่ง ที่มักจะมองสิ่งไกลตัว / ของๆ คนอื่น ของประเทศอื่น ว่าสวย แต่วิวที่เห็นทุกวันๆ ประจำ ความสวยความน่าชื่นชมมันดูจะลดลงตามเวลา
การที่คนเรามองว่าวิวตามที่ที่เราไปเที่ยวหรือไปเห็นเป็นครั้งแรก มันจะผสมไปด้วยความรู้สึกสำเร็จ fulfill ชั้นดั้นด้นมาถึงแล้ว ชั้นเก็บเงินทำงานหนักตั้งนานเพื่อทริปนี้ ชีวิตนี้อาจจะได้มาครั้งเดียว บลา บลา บลา พวกนี้เป็นสิ่งปรุงแต่งนะ แน่นอน โดย objective มันก็สวยแหละ เนื้อแท้ของธรรมชาติมีความสวยงามเสมอ ถ้าตัดสิ่งปรุงแต่งออกไป นั่งมองให้ลึกถึงความงาม ภาพนั้นจะประทับลงในจิตใจในแบบที่กล้องถ่ายรูปไหนก็ทดแทนไม่ได้ เคยเจอว่ามี IG account หนึ่ง ที่ลงรูปถ่ายมุมเดิมๆ หลังคาบ้านหลังเดิม ทุกๆ วัน เราว่าเค้าเท่ดี ที่สามารถมองเห็นความสวยงามของทิวทัศน์เดิมๆ นั้น ได้ทุกวัน
วันนี้ชั้นหนังสือ ออกแนวนามธรรม พอดีว่านั่งเขียนบันทึกนี้ในวันฝนตก เราเป็นผู้โชคดีนะ เป็น 40% ของพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ตามการพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา
No comments:
Post a Comment