ผู้หญิงกับการซื้อของเป็นเรื่องคู่กัน หลักการทำทัวร์ให้ลูกทัวร์แฮปปี้คือมีจุดให้ชอปปิ้งกันได้อย่างสนุกสนาน และต้องเผื่อเวลาเอาไว้เล็กน้อย เพราะมันจะช้ากว่า schedule เสมอ
อันนี้คือคติที่เราได้จากการเก็บข้อมูลกลุ่มทัวร์ที่ไปด้วยกันทริปนี้ ทุกคนดูเพลิดเพลินกับการชอปปิ้งมาก เรียกได้ว่ามีลงรถตรงไหน ก็ต้องมีใครสักคนได้เสียเงินซื้อของหล่ะน่า ที่ว่าคนไทยติดอันดับนักชอปนี่ก็คงจะจริง พอรู้ว่าเป็นกรุ๊ปทัวร์จากไทย คนอินโดนี่ยิ้มเลย ประมาณว่า มาแล้วๆ ลูกค้าชั้นดี
ถามว่าสินค้าที่ซื้อกันมีอะไรบ้าง ก็จะเป็นสินค้าสไตล์คล้ายๆ ของทางภาคใต้ของไทย
1.
Sarong - โสร่ง หรือ ผ้าถุง นั่นเอง
จริงๆ เรียกผ้าถุงก็ไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะผ้าแบบนี้ เอาไปตัดเสื้อก็สวยอยู่ แต่แอบรู้สึกว่า กลับมาซื้อที่กิมหยง - หาดใหญ่ ดูสวยและเนื้อผ้ามีคุณภาพมากกว่านะ
2.
Batik - บาติก
ก็เป็นผ้าวาดลวดลาย ใช้สีโทนสดใส ดูฝีมือช่างวาดที่นี่แล้ว ค่อนข้างเรียบง่ายและธรรมดากว่าของไทย ลายก็จะเป็นจำพวกดอกไม้ต่างๆ อ่อ แล้วก็มีบาติกอีกแบบที่ไม่ใช่การวาด แต่เป็นการมัดผ้าเป็นกระจุก แล้วเอาไปย้อมหลายๆ สี มันก็จะได้ลายแบบเหมือนจะเลอะๆ แต่ก็ดูมีศิลปะดี
3.
งานไม้แกะสลัก
ชาวบาตั๊กมีฝีมือการแกะไม้ที่ดีพอสมควร สินค้ามีทั้ง รูปแกะสลักประเภทเอาไว้ตั้งโชว์ (ให้ฝุ่นจับเล่น) และทำเป็นของใช้เช่น ที่เขี่ยบุหรี่ กล่องใส่ของ กำไล เป็นต้น
4.
เสื้อผ้าสำเร็จรูป
เสื้อผ้าลวดลายแบบคนท้องถิ่นใส่กัน ก็มีให้ซื้อหากันทั่วไป แต่่เรารู้สึกว่าฝีมือการตัดเย็บยังสู้คนไทยไม่ได้ ความประณีตจะน้อยกว่า แต่ใส่แล้วก็ดูกลมกลืนกับพื้นที่ดี เสื้อผ้าคนมุสลิมจะเยอะหน่อย ก็เลยรู้สึกจะถูกใจเพื่อนร่วมทัวร์ เพราะหลายคนเป็นมุสลิม ก็ซื้อเป็นของฝากครอบครัวกันสนุกสนาน แล้วมีบางคนที่พูดภาษาอินโด-มาเลย์ได้ ก็เลยพอสื่อสารกับพ่อค้าแม่ค้าได้
[เกร็ดความรู้ที่ 1] Bahasa Indonesia เป็นภาษาราชการของอินโดนีเซีย ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันกับ Bahasa Malaysia คนไทยมุสลิมที่พูดมาเลย์ได้ จึงเข้าใจภาษาอินโดนีเซียได้บ้าง
[เกร็ดความรู้ที่ 2] คำว่า Bahasa ก็คือ Bhasa มีรากศัพท์มาจากคำสันสกฤต ที่คนไทยใช้กันว่า ภาษา นั่นเอง
5.
ของที่ระลึกแบบยกแพ็ค
จำพวกพวงกุญแจ กระเป๋าใบเล็กๆ แม่เหล็กติดตู้เย็น และอื่นๆ เป็นของจำเป็น (ที่ต้องมีขาย) ตามแหล่งนักท่องเที่ยว ราคาก็จะแล้วแต่ต่อรองกันได้ ซื้อมากก็อาจจะได้ลด ที่แปลกคือ วัฒนธรรมการเขียนและส่งโปสการ์ด ดูจะยังไม่เข้าถึงที่นี่สักเท่าไหร่ หาร้านขายโปสการ์ดได้น้อยมาก...ถึงมากที่สุด ใครจะมาทำธุรกิจถ่ายรูปสวยๆ ทำเป็นโปสการ์ดขาย น่าจะเป็นโอกาสที่ดีเลยทีเดียว
-------------------------------------------------------------------------
กฎข้อที่หนึ่งของการชอปปิ้งที่อินโดนีเซีย (เมดาน-บราสตากี-ปาราปัต-เลค โทบ้า) คือ
ต้องต่อราคา
กฎข้อที่หนึ่งของการชอปปิ้งที่อินโดนีเซีย (เมดาน-บราสตากี-ปาราปัต-เลค โทบ้า) คือ
เริ่มต้นให้ต่อไปเลย ลดจากราคาที่เค้าบอก 70-80%
จริงๆ หลายคนบอกใครจะกล้าต่อขนาดนั้น มันก็ขนาดนั้นจริงๆ นะ ที่นี่ เค้าบอกราคาสูงมากๆๆๆ ไว้ก่อน เอาเป็นว่าถ้าเก๋าจริง ก็ได้ลดประมาณ 70-80% แต่ส่วนใหญ่ก็จะได้มาที่ประมาณ 50-60% ของราคาที่บอกเราตอนแรก
ปกติอยู่เมืองไทย ต่อได้ 10% เราก็ดีใจแล้วใช่ไหม ไปซื้อของที่โน่น ต่อได้ 50% นี่ยังเอามาอวดไม่ได้นะ ปกติมาก...
เวลารถทัวร์จอดตามจุดท่องเที่ยว หรือ ร้านขายของ ก็จะมีคนขายของแบบเดินเร่ เข้ามาขายด้วย มาเกาะกันข้างรถเลย ซื้อกันในร้านเสร็จแล้ว พวกนี้ก็ตามขายต่อ ใครซื้อคนแรกอาจจะเสียเปรียบหน่อย เพราะเหมือนเป็นคนประเดิม ซื้อแล้วกรุณาจากไป มิฉะนั้น อาจจะต้องช้ำใจ เพราะคนต่อๆ ไปที่ซื้อ มักจะได้ราคาที่ถูกลงไปอีก
ถ้าแยกกันซื้อ แล้วมาเจอเพื่อน เอ้ย...แกซื้อได้กี่บาท โอ้ย ถูกๆๆ ก็มีการตามไปซื้อบ้าง แต่อาบังไม่ยอมขายราคาถูกมากนั้นแล้ว ก็จ๋อยไป
หรือคิดว่าพอละ ไม่ซื้อละ บนรถตอนที่รอให้คนมาให้ครบ ก็จะเกิดมหกรรม "คนอวดของ" กันขึ้น
เนี่ย ผ้าพันคออันนี้สวยมาก ไปถามคนขายมานะ ว่าจะเอาแบบ best quality คนขายถึงกับไปหยิบมาจากหลังร้าน เพราะของมันจะแพงกว่าของทั่วๆ ไป ก็เลยไม่เอามาโชว์
ว้าวๆๆ สวยค่ะ สีสดใสมากเลยค่ะ คุณไกด์คะ ยังไม่ถึงเวลานัดใช่ไหมคะ ไปค่ะๆ คุณพี่ ไปซื้อกันบ้าง ราคาก็ไม่แพงด้วยนะคะ คุณภาพดีจริงๆ แล้วก็พากันลงรถไปซื้ออีก นั่นหล่ะค่ะ
การนับคน (ว่าลูกทัวร์มาครบแล้วหรือยัง) เลยมีข้อควรระวังว่า อย่าคิดว่า เอ๊ะ คนนี้ เมื่อกี้เห็นขึ้นรถไปแล้ว ก็นับรวมว่ามาแล้ว ปรากฏ ลงไปซื้อตามเพื่อนอีก ก็มีค่ะ
อันที่จริง เรื่อง ความถูกของสินค้า ที่อินโด เราว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่าเงินรูเปียของเค้า ค่อนข้างอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินบาท 1000 รูเปีย = 3 บาท โดยประมาณ ซื้อผ้าพันคอบาติก อย่างสวย ราคา 60000 ก็แค่ 180 บาท งี้ หยิบเงินแสนรูเปียออกมา เฮ้ย...แค่ 300 บาทเอง คือ มันทำให้เราคิดว่าอะไรๆ ก็ถูกไปหมด ทุกคนเลยดูชอปกระจาย แบบว่าไม่ต้องเอาเงินรูเปียกลับไทยกันเลย แลกมาแล้วนี่นา
สุดท้าย พอทุกคนขึ้นรถ เอาหล่ะ รถออกเดินทางต่อ ช่วงเวลา 15 นาทีแรกนั้น เรียกได้ว่าเป็นเวลาพักของไกด์กันเลยทีเดียว ลุงหลาดบอกว่า ไกด์ยังไม่ต้องพูดอะไรเลยนะ คือ พูดไปคนก็ไม่ฟังหรอก จะมาเล่าเรื่อง เออ...สถานที่ที่จะไปต่อนั้นเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ ตารางเวลาของเราต้องทำอะไรต่อไป ยังไม่ต้องเลย ทั้งรถจะเต็มไปด้วยเสียงจุ๊บจิ๊บๆ กับมหกรรม "คนอวดของ" อีกครั้ง
อุ้ย อันนี้สวยจัง... อุ้ย ซื้อฝากใครคะ สวยนะ ราคาเท่าไหร่หรอ...
อ๊ะ คุณพี่ซื้อได้ถูกกว่าด้วยหล่ะ...
อ๋อ ลายมันไม่เหมือนกันค่ะ...............
สรุปแล้ว Happy ค่ะ ทุกคนดู Happy กับการท่องเที่ยวครั้งนี้มาก เงินรูเปียเรา พอจ่ายค่าทิปคนขับรถกับไกด์ท้องถิ่นแล้ว ก็เหลือ 30000 รูเปีย ยังได้เอาไปซื้อชาไข่มุกกินที่สนามบินเลย ได้เงิน 1000 มาเป็นที่ระลึกพอดี สวยๆ
ปล. ก็ไม่ได้ตั้งใจจะขี้เม้าท์นะ..........
ใจบิ้วท์ นิ้วพิมพ์ ฮา............