Wednesday, February 26, 2014

บารมีพระแม่ป้อง ปกพื้นธรณิน

วิชาภาษาไทย ยังคงเป็นวิชาบังคับสำหรับนักศึกษาไทยอยู่ใช่ไหม

ตอนชั้นหนังสือเข้ามหาวิทยาลัย ก็มี ภาษาไทย 101 บังคับเรียนกันทั้งมหาวิทยาลัย และสิ่งหนึ่งที่คู่กับการเรียนภาษาไทย คือการอ่านหนังสือนอกเวลา ซึ่งก็บังคับอ่านเล่มเดียวกันทั้งมหาวิทยาลัยอีกเช่นกัน

นี่คือที่มาของหนังสือที่มีชื่อว่า 'บารมีพระแม่ป้อง ปกพื้นธรณิน'




หนังสือเล่มนี้เป็นของพี่รหัสของรูมเมทของเรา เรากับรูมเมทเลยไม่ต้องซื้อ แบ่งกันอ่านเอา (ประหยัดไปไหน)    แต่อ่านแล้วเราชอบมาก กลายเป็นเราที่หยิบมาอ่านอีกบ่อยๆ พอย้ายออกจากหอ เราเลยขอมาจากรูมเมท ปัจจุบัน ชื่อของพี่รหัสคนนั้น ยังเขียนอยู่บนปกในหนังสือ ขอขอบคุณ 'พี่ต้า จ.จาน' มา
ณ ที่นี้

เป็นหนังสือที่เขียนเล่าเรื่อง สมเด็จพระศรีสุริโยทัย ราชินีหนึ่งเดียวของไทยและของโลกที่สวรรคตในสนามรบ จากการเข้าช่วยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระราชสวามี) ในการรบที่พม่าโดยพระเจ้าตะเบงชเวตี้ยกทัพมาหมายตีเอากรุงศรีอยุธยา ตามประวัติศาสตร์ที่เคยเรียนมา จำได้แค่ว่า สงครามนี้พม่าแพ้ ยกทัพกลับไป แต่กลับมาใหม่โดยพระเจ้าบุเรงนอง  ซึ่งอยุธยาแพ้ เสียกรุงครั้งที่ 1 ตกเป็นประเทศราชพม่าถึง 15 ปี ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จะทรงประกาศอิสรภาพ ไม่ขึ้นกับหงสาวดีอีกต่อไป

ผู้เขียน คือ แก้วเก้า ถือว่ามีชื่อเสียงในวงการนวนิยายอยู่แล้ว แต่โครงเรื่องที่ให้ตัวเอก 2 คน ในโลกปัจจุบัน    พลัดหลงไปยังอยุธยาในช่วงก่อนที่จะมีศึกพม่า เพื่อไปขัดขวางไม่ให้สมเด็จพระสุริโยทัย
เสด็จออกรบ สร้างความน่าสนใจเป็นอย่างมาก อ่านแล้วได้ความรู้ประวัติศาสตร์เพิ่มด้วย

ในเรื่องมีการเล่าถึงผู้คน บ้านเมือง วิถีชีวิตของสังคมอยุธยาตอนกลาง มีการสอดแทรกตัวละครที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ เช่น พระมหานาควัดภูเขาทอง ผู้เป็นที่มาของชื่อ คลองมหานาค ซึ่งต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์เมื่อมีการสร้างมหาเจดีย์ข้างคลองมหานาค (ขุดเลียนแบบคลองมหานาคสมัยอยุธยา) ผู้คนจึงเรียกมหาเจดีย์นั้นว่า "ภูเขาทอง"



 คุ้นๆ ไหมหล่ะ ได้รู้ที่มาของชื่อภูเขาทอง ทั้งๆ ที่วัดตรงนั้นชื่อวัดสระเกศ ก็จากหนังสือเล่มนี้แหละ

เรายังได้ความรู้เรื่องดอกสารภีและดอกลำดวนด้วย

ดอกสารภีเอามาทำแป้งสารภี เหมือนเคยได้ยินชื่อนะ เออ มันทำมาจากเกสรดอกสารภี เป็นนวัตกรรมความงามแบบโบราณๆ ดี
ส่วนดอกลำดวน เคยกินแต่ขนมกลีบดอกลำดวน เอามาร้อยเป็นสร้อยได้ด้วย




และหนังสือเล่มนี้ก็ทำเราเสียน้ำตา ไม่น่าเชื่อนะ บทความรักระหว่าง คุณพระมหามนตรีกับพัตรา มีแค่
ไม่กี่หน้ากระดาษ แต่มันชัดแจ้งแก่ใจเราได้ว่ารักแท้ไม่มีข้อแม้เรื่องระยะเวลา ประโยคบอกรักที่ว่า

ใครเล่าจักรัก โดยมิรักเสียแต่แรกเห็น

ช่างตรึงใจหญิงสาวยิ่งนัก แม้ความรักชาย-หญิง จะไม่ใช่แก่นของหนังสือเล่มนี้ แต่มันก็กลมกลืนไปกับเนื้อเรื่องได้อย่างสวยงาม เป็นหนังสืออีกเล่มที่ละมุนอยู่ในความทรงจำเสมอ

ชั้นหนังสือขอลาไปด้วยกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีคนสำคัญพระองค์หนึ่งในสมัยอยุธยา ซึ่งไปเจอโดยบังเอิญตอนหาข้อมูลเรื่องดอกลำดวน

ลำดวนเจ้าเคยร้อย            กรองเป็นสร้อยลำดวนถวาย
เรียมชมดมสบาย             พี่เอาสร้อยห้อยคอนาง
ลำดวนปลิดกิ่งก้าน                สนสาย
กรองสร้อยลำดวนถวาย          ค่ำเช้า
ชูชมดมกลิ่นสบาย                ใจพี่
เอาสร้อยห้อยคอเจ้า             แนบหน้าชมโฉม
ร้อยกรองภาษาไทย งดงามเสมอ

Monday, February 24, 2014

Harlan Coben - Unputdownable Mystery

ใครไม่อยากหลับอยากนอน ชั้นหนังสือวันนี้ขอเสนอหนังสือแนวสืบสวนสอบสวน ฆาตกรรม ซ่อนเงื่อน ปนระทึกลึกลับ ทับปมปัญหาชีวิต (อะไรมันจะสลับซับซ้อนปานนั้น) ของเจ้าพ่อจอมหักมุมพลิกพลอต อย่าง Harlan Coben นักเขียนชาวอเมริกัน
คุณไม่สามารถไว้วางใจ Coben ได้เลย ว่าเค้าจะมาไม้ไหนกับคุณ ขนาดว่าจนบทสุดท้ายแล้ว เค้าก็อาจจะมาเฉลยประเด็นใหม่ให้ต้องร้อง...เหยดดดดดด...ได้อีก
(ขออภัยสำหรับคำไม่สุภาพ ไม่รู้จะใช้คำอะไรจริงๆ ของอย่างงี้ต้องลองเองนะ)
นิยายของ Cohen มี 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจะเป็น Series ที่มีตัวเอกชื่อ Myron Bolitar แต่ละเล่มก็จะเกี่ยวกับคดีต่างๆ ที่พระเอกจะเข้าไปเกี่ยวข้อง พอเป็นนิยายแบบ Series คือ จะเขียนต่อไปอีกเรื่อยๆ ตอนนั้นเราเลยเกิดอคติ แบบว่า เฮ้ย ไม่อ่ะ ชั้นจะไม่เป็นทาสการตลาด หันมามองกลุ่มที่สอง กลุ่มนี้เป็นนิยายเล่มเดียวจบ (หมายถึงแต่ละเล่มก็มีตัวละครของเล่ม ต่างกันไป) เล่มแรกที่อ่านคือ
Tell No Oneหรือในชื่อไทย อย่าบอกใคร
สนุกมาก อ่านรวดเดียวจบ ตัวพระเอกคืออยู่ดีๆ ก็ได้รับ เมลล์จากอดีตแฟน (ที่คิดว่าตายไปแล้ว) ทำให้เกิดเรื่องต้อง
เข้าไปพัวพันกับคดีที่ทำให้เสียแฟนไปเมื่อ 8 ปีก่อน 
สิ่งที่คุณรู้ สิ่งที่คุณคิด มันอาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้
จริงๆ แล้ว ทุกคนก็คงมีความลับแม้กับคนที่
ใกล้ชิดที่สุด หรือ
คนในครอบครัว เจตนาก็เพื่อปกป้องคนที่รักนั่นแหละ
แต่บางทีความลับมันก็ย้อนกลับมาทำร้ายเรา
ในวันที่ความจริงเปิดเผยออกมา
ความตื่นเต้นของเรื่องไม่ได้อยู่แค่ว่าใครเป็นคนร้าย
แต่คำถามจะต้องย้อนไปถึงว่าใครเป็นใคร และเค้าทำอย่างนั้นทำไม


นิยายของ Coben มีฉากหลังเป็นสังคมอเมริกันธรรมดาๆ ครอบครัวระดับกลางๆ ที่พบได้ทั่วไป แต่
คนธรรมดาๆ กลับมีอดีตที่ไม่ธรรมดา การเฉลยปมอดีตของตัวละครเป็น gimmick ของการอ่านนิยายของเค้าเลยทีเดียว
เราติดใจ และตามอ่านนิยายของ Coben อย่างต่อเนื่อง อมรินทร์ก็ใจดีจัง (หรอ?) แปลออกมาอย่าง
ต่อเนื่อง และจากตอนแรกที่คิดว่า มันไม่เป็นหนังสือแบบ Series ก็เริ่มรู้สึกว่า ผิดละ อ้าว....ลุง Coben แกตั้งชื่อนิยายมาเป็นชุด คือจะใช้คำสั้นๆ เรียกความสนใจ เราก็ตามอ่านอย่างเพลิดเพลินสิ (สรุปก็เป็นทาสการตลาดอยู่ดี)

Tell No One – อย่าบอกใคร              Gone For Good – หาย

The Innocent – ไม่รู้                     The Woods – พราง

Hold Tight – อย่าเผลอ             No Second Chance – โอกาสสุดท้าย

Just One Look – อย่ามอง                    Caught – คืน

   Play Dead – แกล้ง (อันนี้เรางงว่า ทำไมไม่เป็น แกล้งตาย แต่ แกล้ง เฉยๆ)

                         Stay Close – ซ่อน


อย่าตกใจ ถ้าจะบอกว่าเรามีครบ ขาดแค่ No Second Chance เฮ้ย ทำไม??? ตามอ่านเรื่อยๆ นะ
ข้ามเล่มนี้ไปได้ยังไง งงตัวเอง เพิ่งรู้ตัวตอนจะเขียน blog นี้แหละ ว่าเราพลาดไปเล่มนึง



แต่ละเล่มมีความสนุก น่าสนใจแตกต่างกันไป เล่มโปรดของเราคิดว่าเป็น Hold Tight กับประโยค   คำโปรยที่ว่า “คุณจะยอมล้ำเส้นไปไกลแค่ไหน เพื่อปกป้องคนที่คุณรัก มากที่สุด” กับ Play Dead      ที่เป็นนิยายเล่มแรกที่ Coben เขียนไว้กว่า 30 ปีแล้ว (ตั้งแต่ยังไม่ดัง) แล้วเค้าก็กล้าที่จะเอามันมาตีพิมพ์อีกครั้ง โดยไม่ได้แก้ไขใดๆ เลย โหย...(จุดไปอีกล้านตัว แต่เปลืองพื้นที่ จินตนาการเอาเองนะ ^^)  โคตรเจ๋งอะ
ตอนนี้ก็เลยเป็นแฟนหนังสือลุง Coben ไปละ เออ แต่เราก็ยังไม่ยักกะไปอ่านชุด Myron Bolitar นะ ฮ่าๆๆๆ ใครเคยอ่านลองมาจูงใจเราหน่อยสิ อยากได้แรงบันดาลใจ ^^^
ตอนนี้นอกจาก Myron หลานชายชื่อ Mickey Bolitar ก็ออกมามีตัวตนอีกราย เป็นอีกหนึ่ง Series   (ซึ่งก็ไม่ยอมอ่านเช่นกัน อินดี้จัด 555++ เลยไม่ได้อ่าน เล่มใหม่ๆ เลย เพราะเค้าออกแต่ชุด Myron) นับถือความขยันของลุง Coben เลย มืออาชีพมาก ออกหนังสือสม่ำเสมอ
แถมท้ายอีกนิด เกือบลืมเลย... Coben เขียนนิยายเป็นหลัก แต่เราไปเจอเรื่องสั้นที่ Coben เขียนเอาไว้ เรื่อง Entrapped (แปลไทย - หลงกล) ถูกเอามาแปลรวมเล่มอยู่ในหนังสือ รหัสคดี เล่ม 22 'คิดสั้นสักครั้งก็ยังดี' อ่านแล้วก็รู้สึกเลยว่า อะไรจะชอบการหักมุมขนาดนั้น...ทางของเขาจริงๆ

ใครชอบหนังสือเล่มไหนของ Harlan Coben ก็ comment บอกกันบ้างนะ


Guy De Maupassant's Short Stories

กีย์ เดอ โมปัสซังต์ (แค่ชื่อก็เท่แล้ว) เป็นนักเขียนชาวฝรั่งเศส (1850-1893) ชายผู้มีชีวิตราวกับศิลปิน วัยเด็กที่ไม่หวาน ความโด่งดังที่รวดเร็ว นิสัยแปลกประหลาด โรคร้าย และการตายตั้งแต่อายุน้อย
โมปัสซังต์เขียนเรื่องสั้นกว่า 300 เรื่อง นิยาย 6 เรื่อง บันทึกการเดินทาง 3 เล่ม แล้วก็บทร้อยกรอง 1 ชิ้น
(ข้อมูลจาก http://www.online-literature.com/maupassant/)
ผลงานที่มีการแปลเป็นภาษาไทยของโมปัสซังต์ตอนนี้มีแต่เรื่องสั้น ซึ่งก็มากขนาดรวมเล่มได้มากกว่า 5 เล่ม (อันนี้เท่าที่เคยอ่าน ณ กุมภาพันธ์ 2014) มีระบุชื่อเรื่องภาษาอังกฤษประกอบไว้ทุกเรื่อง เพราะแปลจากภาษาอังกฤษ บางทีก็ไม่ตรงกับชื่อเรื่องภาษาไทยซะทีเดียว (ถือเป็นความสร้างสรรค์ของแต่ละภาษา)
เล่มแรกได้จากงานสัปดาห์หนังสือมีนา 52 หนังสือจั่วหัวว่า The Best of Guy De Maupassant Short Stories ชื่อไทยใช้ว่า เงื้อแล้ว...ก็ต้องฟัน คือเอาชื่อของเรื่องๆ หนึ่งในเล่ม ที่คนแปลคงคิดว่าเด็ดสุดมาเป็นชื่อหนังสือซะเลย – ซึ่งพออ่านแล้วก็ เออ เห็นด้วย!! (หน้าปกสีส้มๆ เล่มซ้ายสุดจากรูป)
ก่อนอ่านนะ เอาจริงๆ คือ นอกจากเจ้าชายน้อย (นี่ก็หนังสือระดับ epic อีกเล่ม ไว้ว่างๆ จะมาพูดถึง) ก็ยังไม่เคยอ่านนิยายนักเขียนชาวฝรั่งเศสมาก่อน เฮ้ย! อ่านแล้วไม่ผิดหวัง เรื่องสั้นๆ ประมาณเรื่องละ 10-15 หน้า plot คือสำคัญที่สุด และโมปัสซังต์คือเจ้าพ่อ plot ที่เจ๋งสุดๆ (เอ๊ะ! คำนี้มันโบราณไปปะเนี่ย) จะให้ทันสมัยก็ต้องบอกว่าสุดติ่งกระดิ่งแมว ซึ่งไม่ควรเอามาสปอยล์อย่างยิ่ง เอาเป็นว่า ต้องไปลองอ่านเอง
ที่นี้ สนพ.freeform ออกเพิ่มมาอีก 3 เล่ม ก็เลยตามอ่าน

แต่สิ่งที่ทำให้ blog นี้เกิดขึ้นมา ต้องยกให้ 2 เล่ม ที่เพิ่งได้อ่านเพราะไปเจอที่บ้านเชียงใหม่


นังสืออายุมากกว่าเราเสียอีก cool สุดๆ
หนังสือเล่มละ 30 บาท หาไม่ได้อีกแล้วในปัจจุบัน
ในเล่มเก่ามีบางเรื่องซ้ำกับฉบับรวมเล่มยุคใหม่ของ freeform ที่แปลกคือตั้งชื่อเรื่องภาษาไทยไม่เหมือนกันด้วย แล้วก็ไม่ได้แปลตามคำภาษาอังกฤษมาเป๊ะๆ อีกต่างหาก นี่แหละ เสน่ห์ของภาษาและงานแปล 
อย่างเรื่อง his landlady ฉบับเก่าอยู่ในเล่ม ตัณหาวูบเดียวใช้ชื่อ อดหวาน กินเปรี้ยว” ส่วนฉบับใหม่ใช้ชื่อ เงื้อแล้วก็ต้องฟันถ้าอยากรู้ว่าทำไมชื่อเรื่องเป็นงี้ ไปลองอ่านนะ (บอกแล้วว่าสปอยล์ไม่ได้จริงๆ -/\-)
เรื่องสั้นของโมปัสซังต์มีฉากหลังเป็นสังคมฝรั่งเศสในยุคศตวรรษที่ 19 ซึ่งแปลกหูแปลกตาสำหรับเรา คนฝรั่งเศสนี่ท่าจะชอบมีกิ๊ก คือแบบ flirting ใส่กันอะไรทำนองนั้น คนปารีสก็จะไฮโซ คนบ้านนอก ก็เป็นเกษตรกร คนรวยมีปราสาทตามบ้านนอก ว่างๆ ก็ยิงสัตว์ เที่ยวชมธรรมชาติ เป็นเรื่องสั้นอ่านเพลินๆ แบบคนอ่านจะมาอึ้งเอาในตอนสุดท้าย แล้วก็หยุดอ่านไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าเรื่องต่อไป โมปัสซังต์จะมามุกไหนอีก
สำหรับคนที่อยากตามอ่าน ก็แนะนำเล่ม The Best เล่มแรก เล่มสีส้มๆ สนุก คมกริบ ไม่บันยะบันยัง ตามคำโปรยหน้าหนังสือทุกเรื่อง ถ้าชอบก็ลองตามอ่านเล่มอื่นๆ ต่อแต่เล่มโบราณ 2 เล่มที่เราได้มา คิดว่าคงหาอ่านยาก

ใครมีหนังสือเก่าๆ สนุกๆ เอามาเล่าสู่กันฟังได้นะ