Wednesday, April 23, 2014

Harry Potter ในความทรงจำ

นี่ไม่ได้จะมา review หนังสือชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์หรอกนะ เพราะใครๆ ก็น่าจะรู้จัก Harry Potter อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเคยอ่าน หรือไม่เคยอ่านก็ตาม แต่ที่จะมาเล่าวันนี้คือ มุมเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับความทรงจำ ความรู้สึก ประสบการณ์หลายๆ อย่าง เกี่ยวกับ Harry Potter บ้างก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเรา บ้างก็เป็นข้อเท็จจริงที่ได้เคยผ่านหูผ่านตา เลยลองเอามานึกและเรียบเรียงเป็นเรื่องเล่าวันนี้


เรารู้จัก Harry Potter จากเพื่อน ครั้งแรกที่ได้เห็นหนังสือคือ เพื่อนในห้องคนหนึ่ง กำลังอ่าน Harry Potter เล่ม 2 อยู่ วันนั้นเป็นวันประกาศเกรด ตอน ม.2 (ละอ่อนน้อยหอยสังข์ ใสๆ เลยตอนนั้น)
“เฮ้ย แกอ่านอะไรอะ”
“แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ”
จบ
บทสนทนาน่าจะมีแค่นั้นจริงๆ เพราะเพื่อนตั้งหน้าตั้งตาอ่านมากกกกกกกก...แบบผิดปกติ คือ วันประกาศเกรดอะ จะเป็นวันแอบสังเกตหน้าตาพ่อแม่เพื่อน (มันใช่ประเด็นไหม 555 แต่เรื่องจริงนะ เราชอบดู เออ แม่คนนี้ยังเด็กอยู่เลยอะ พ่อคนนั้นแต่งตัวไม่ไหวนะ ฯลฯ ชั้นนี่บาปตลอด) จริงๆ คือ เป็นวันที่ปิดเทอมไปได้สักพักแล้ว คือ เพื่อนๆ ก็ไม่ได้เจอกันมาระยะนึง ส่วนใหญ่ก็จะจับกลุ่มคุย เล่น เฮฮา ทำตัวเข้าสังคมกันนิดนึง แต่ไอเพื่อนคนเนี๊ยะ นั่งอ่าน เงียบๆ อย่างต่อเนื่อง แบบเราคิดในใจ มันนั่งอ่านตรงที่เพื่อนๆ คุยกันอย่างออกรสได้ไงฟะ เฮ้ย หนังสือมันคงสนุก เดี๋ยวชั้นต้องตามไปหามาอ่านบ้าง
สุดสัปดาห์ก็จัดเลย ไปร้านหนังสือ อ้าว ได้มาทั้งเล่ม 1 และ เล่ม 2 ก็อ่านไป ติดใจ สนุก พอดีเล่ม 3-4 ออก ก็ได้อ่านต่อเนื่องไป หลังจากนั้นก็คือรอ สั่งจองล่วงหน้ากับร้านหนังสือเลย ก็ตามลุ้นเอาใจช่วยแฮร์รี่รอนเฮอร์ไมโอนี่มาตลอด


หนังสือชุดแฮร์รี่พอตเตอร์คือครั้งแรกของการอ่านหนังสือไม่ยอมกินข้าว พ่อแม่เรียกแล้วเรียกอีก วางไม่ลง ในเล่มแรกๆ นะ เพราะพอเล่ม 4-5 นางหนักไป ก็ต้องวางกันบ้าง มือจะหักเอา พอเล่ม 6 มา บางหน่อย นี่ดีใจสุด แล้วก็เลยแปลกใจว่า ทำไมภาค 7 ถึงทำหนังออกมาเป็น 7.1 กับ 7.2 หล่ะ ตัวหนังสือก็บางลงกว่าเล่มก่อนๆ อีกนะ มันคือการตลาดใช่หรือไม่


เราเป็นรอน-เฮอร์ไมโอนี่ ชิปเปอร์
คู่นี้มันมีเคมีบางอย่างที่เข้ากัน ชีวิตรอนจะไม่เป็นโล้เป็นพายถ้าไม่มีเฮอร์ไมโอนี่ และชีวิตเฮอร์ไมโอนี่จะไม่ตลกถ้าไม่มีรอน คืออ่านแล้วมันลุ้นว่าต้องให้เค้าคู่กันสิ แรกๆ นี่ คิดว่าแฮร์รี่น่าจะโสดซะด้วยซ้ำไปนะ ดูเป็นฮีโร่ดี บางคนบอกว่าเฮอร์ไมโอนี่น่าจะได้เป็นนางเอกคู่กับแฮร์รี่ อันนี้ก็ลางเนื้อชอบลางยา นะ ส่วนตัวชูป้ายไฟรอน-เฮอร์ไมโอนี่ เต็มตัว


ปีที่แล้วเอาชุดหนังสือมาอ่านเล่นๆ พอดีเก็บไว้ที่บ้านต่างจังหวัด เลยไม่ค่อยได้อ่านแล้วช่วงหลังๆ อ่านเล่ม 2 ตอนดอบบี้ออกมาฉากแรกเท่านั้นแหละ น้ำตาไหล ฮือ มันเศร้าอ่ะ ตอนนั้นดอบบี้ดูตัวร้าย ดูกลั่นแกล้งแฮร์รี่ แต่ตอนสุดท้าย มัน...มันน่าเศร้าจริงๆ ส่วนเล่มที่อ่านบ่อยสุด น่าจะเป็นเล่ม 6 เพราะชอบเรื่องสมัยพ่อแม่ของแฮร์รี่ กับสเนป อ่านซ้ำหลังจากรู้ความจริงเล่ม 7 แล้ว เราชอบสเนปนะ เป็นตัวละครที่ผูกพันทุกคนไว้ด้วยกัน


การอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคนั้น ก่อนไปดูหนัง เป็นเรื่องที่ผิดพลาดมาก จริงๆ มันจะทำให้ดูหนังไม่สนุก ภาคหลังๆ เลิกคาดหวัง เลิกอ่านทวน มันก็จะไม่หวังว่าเออ...ต้องมีงั้นมีงี้สิ ดูหนังสนุกขึ้นนะ


มีเพื่อนผู้ชายคนนึง มันบอกว่าเอ็มม่า วัตสัน สวย ตั้งแต่ภาคแรกภาคสอง ตอนนั้นเบะปากใส่สุดฤทธิ์ ตอนนี้นะหรอ ทำไมแกตาถึงงี้วะ ปรบมือ แต่จะว่าไปเราว่าแคสติ้งนักแสดงหลัก 3 คน แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ หน้าตาดีเกินไป (เกินคำบรรยายในหนังสือ) มีรอนที่ดูใช่สุด คือ แดเนียล เรดคลิฟฟ์ ตอนเล่นเป็นแฮร์รี่ หน้าเค้าอ้วนกลมดูสุขภาพดีเกินไปไง ถ้าผอมสูบเหมือนตอนปัจจุบันนี่อาจจะพอรู้สึกว่า เออ แฮร์รี่ไง ได้กินอาหารอดๆ อยากๆ นอนห้องเล็กๆ แคบๆ เจ้าหนูแก้มตุ่ย ยิ้มไร้เดียงสาคนนั้นมันไม่ใช่อะ แต่เพราะยิ้มสวยไง น่ารัก ก็ให้อภัยได้ (อ้าว พลิกล็อกงี้เลยนะ) ปลาบปลื้มแดเนียล ถึงขนาดเอารูปจากหนังมาเป็น background desktop ในคอมพิวเตอร์เลยนะ ส่วนเอ็มม่าตอนนี้ เธอมาไกลแล้ว จากเด็กผู้หญิงผมฟูๆ คนนั้น มาเป็นนักแสดงสาวสวย ใครชอบเธอ แนะนำให้ไปดูหนังเรื่อง The Perks of being a Wallflower เอ็มม่าน่ารักสุดๆๆๆๆ


รอนเป็นตัวละครโปรดของเรา และย้ำอีกครั้ง เราเป็นรอน-เฮอร์ไมโอนี่ชิปเปอร์ ตั้งแต่เล่มแรกๆ เลยนะ   
และนั่นทำให้เราหมั่นไส้วิกเตอร์ ครัม ฮ่าๆๆๆๆ




ปกใหม่ล่าสุดนี่ยั่วกิเลสมากกกกกก สวยมากกกกก น่าสะสมมากกกกกกก จบนะ


Tuesday, April 22, 2014

เมษายนคือเดือนแห่งความไม่มีประสิทธิผล

นี่คือข้อเท็จจริงที่เราสัมผัสได้จากประสบการณ์ส่วนตัว


เมษายนคือเดือนแห่งความไม่มีประสิทธิผล


ในสมัยเรียนหนังสือ เมษายนคือช่วงปิดเทอม แน่นอนว่า กิจกรรมหลักคือ พักผ่อนนอนหลับ มันคือช่วงเวลาของการนอนตื่นสาย ดูทีวีดึก และ เที่ยวเล่น เท่ากับว่า จะไม่ค่อยตั้งเป้าหมายของชีวิตว่า ชั้นจะทำนั่น ทำนี่ ก็มีบ้างที่พ่อแม่เคี่ยวเข็ญให้ลูกไปเรียนกีฬา เรียนดนตรี ในช่วงปิดเทอม แต่เราก็รู้สึกว่ามันเนือยๆ ไม่จริงจังอะไรเท่าไหร่ แถม แป๊บๆ เปิดเทอมแล้ว ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง

เมษายนคือเดือนที่มีวันหยุดเยอะ ปกติเวลาขึ้นปีใหม่นี่ เราเปิดปฏิทินเดือนเมษาก่อนเลยนะ สงกรานต์ปีนี้หยุดกี่วันน้า...อ๊ะ โหๆๆๆ ตั้ง 4 วัน  อ้าวๆๆ รัฐบาลประกาศให้หยุดเพิ่มอีก โหยๆๆ ตอนเด็กๆ ก็จะดีใจ พ่อแม่ได้หยุดเยอะๆ แล้วพอตัวเองทำงานแล้วก็ยิ่งดีใจ ชั้นก็ได้หยุด วันหยุดราชการนี่ถือว่าเป็นแสงสีทองที่เฝ้ารอของพนักงานประจำเลยนะ

และเนื่องจากทุกคนก็เฝ้ารอวันหยุด เดือนเมษาจึงมักจะเริ่มต้นด้วยอาการเนือยๆ อึนๆ อาทิตย์แรกก็มีวันหยุดวันจักรี มาเป็นน้ำจิ้มให้คนชื่นใจก่อนวันหยุดสงกรานต์ซะด้วย อาการขี้เกียจทำงานจึงวนเวียนๆ ทำให้ครึ่งเดือนแรกของเมษายน ความมุ่งมั่นในการทำงานมันช่างตกต่ำเสียจริงๆ แล้วงานก็ไม่ค่อยเข้ามาด้วยหล่ะ เหมือนทุกฝ่ายก็เนือยๆ ไปพร้อมกัน

มีอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษานี่แหละ ที่อะไรๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง ทำงานงกๆ ต่อไป เนื่องจากเราทำงานธนาคาร ซึ่งแน่นอนว่า วันหยุดน้อยกว่าราชการทั่วไป แถมคนก็ยังต้องติดต่อกับธนาคารอยู่ ประกอบกับพอเริ่มมาปลายๆ เดือน คราวนี้แหละ แหม งานพุ่งมาเป็นสาย เหมือนว่าช่วงต้นเดือน "ไป..ไปชิวให้เต็มที่เลยนะ"    แล้วอาทิตย์สุดท้ายทุกคนก็มาเร่งๆๆๆๆ ปิดยอด อา...สวยงาม

นั่นแหละคือเหตุผลที่เรารู้สึกว่า เดือนเมษาทีไร ชีวิตจะไม่ค่อยมีอะไรที่บอกได้ว่า สำเร็จ! ทำเสร็จ! ในเดือนเมษา นอกจากการเนีอย ชิว ไปเที่ยว และ นอนรับอากาศร้อน

และก็นั่นแหละ ข้อแก้ตัวของเราที่ไม่ได้มาอัพเดตบล็อกนี้เลยตั้งแต่เข้าเดือนเมษายนมา...ก็มันเป็นเดือนแห่งความชิวนี่เนาะ...อิอิอิ

พอตอนนี้อาทิตย์สุดท้ายแล้ว ก็ว่าไฟล้นก้น รู้สึกต้องหาอะไรมาอัพเดตซะหน่อย


ชั้นหนังสือ


ปล. ว่าจะไม่พูด แต่ว่าก็ไม่ไหวแล้ว ปีนี้อากาศมันร้อนสุดๆๆๆ นี่อยากให้เอลซ่ามาเมืองไทยมาก

ปลล. ใครแวะเข้ามาอ่านบล็อกแสดงตัวหน่อยก็ได้น้า...

ปลลล. หาเพื่อนไปงานแฟนมีตติ้ง จจ. ชินฮวา เราอยู่ที่ @pormodivid

ปลลลล. ไม่มีละ หลอกให้อ่านเล่น 5555555